วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คู่มือเบาใจของคนเบาหวาน

คิดบวก ชีวิตบวก (โดยท่าน ว.วชิรเมธี)

คิดบวก ชีวิตบวก (โดยท่าน ว.วชิรเมธี)
เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า “มารไม่มีบารมีไม่เกิด”

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส”

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อบรมศิลปะการพูดระยะสั้น

แนวคิดของคนจน กับ คนราวย

"กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย โดย สิริลักษณ์ ตันศิริ 01

อยากรวยต้องสร้างเครือข่าย

นิทานเปรียบเทียบคนจน กับ คนรวย ตอนจบ

เรื่องน่าเศร้าของผู้บริโภค

กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายโดยสิริลักษณ์ ตันศิริ 2

กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายโดยสิริลักษณ์ ตันศิริ 3

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คุณทำได้

ภาพแห่งความเป็นจริงที่คุณสามารถพบเห็นได้อยู่ทั่วๆไป
ถ้าคุณมีฝัน.......................ความฝันของผมก็เหมือนกับของคุณ ที่ต้องการความมั่นคงในชีวิต ทั้งทางด้านการเงิน สุขภาพ และครอบครัว ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีรายได้มั่นคงพอสมควร แบบราชการ ผมใช้เวลานอกราชการ หารายได้พิเศษ ฝ่าฟันมาเกือบตลอดชีวิต ล้มแล้ว... ล้มอีก... ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง...กับคืนวันอันแสนเจ็บปวด แต่ก็ผ่านมันมาได้ คุณก็คิดอยากจะมีอาชีพที่มั่นคง โดยเก็บเงินมาตลอดชีวิต เรียนรู้หาประสบการณ์ในการทำงานต่างๆอย่างหนัก มองหาช่องทางในการลงทุนต่างๆตลอดเวลา เพื่อจะเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง กล้ากล้า...กลัวกลัว.... กลัวว่าทำแล้วจะได้เหมือนอย่างที่ฝันหรือเปล่า ธุรกิจจะไปรอดไหม
ถ้าสมหวัง....ก็มีกิจการเป็นของตัวเอง ถ้าล้มเหลว....เงินที่เก็บมาตลอดทั้งชีวิต ก็หมดไป หรือ ไม่ก็เป็นหนี้ธนาคาร ใช่ว่า จะเป็นอย่างนี้ทุกคน
ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่า จะประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของกิจการแล้วตาม ก็ยังหมดห่วงไม่ได้กับธุรกิจที่เราได้สร้างมันขึ้นมา ไหนจะเศรษฐกิจถดถอย ไหนคู่แข่งทางการค้าที่จะคอยลดราคาแข่งขันกับเรา หรือแม้กระทั่งการถูกคดโกงไม่ว่า จะจากคู่ค้าหรือคนในองค์กร และยังมีอีกมากมายที่ธุรกิจล้มครืนเพียงชั่วข้ามคืน บางคนก็ลุกขึ้น ได้บางคนก็ฆ่าตัวตาย บางคนก็ล้มละลาย.......
แล้วคุณหละฝันแบบไหน?
หรือว่า ไม่ต้องการแล้วกับการเป็นเจ้าของกิจการ ก็กลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ บางครั้ง เฝ้ารอโอกาสจากการเสี่ยงโชคบ้าง รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ผมพยายามมองหาทางออกของเรื่องนี้มาตลอดชีวิต.....ลองแล้วลองอีก.....คิดแล้วคิดอีก จนกระทั่งผมพบคำตอบ

คุณคิดว่าคนที่จบมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด สามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ โดยไม่มีโอกาสล้มเหลวหรือเปล่า
หรือว่า คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี (เจ้าของเบียร์ช้าง) คุณเฉลียว อยู่วิทยา (เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง) คุณธนินท์ เจียรวรนนท์ (เจ้าของกลุ่มบริษัทCP) เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังหรือเปล่า เปล่าเลย แล้วทำไมคนเหล่านี้ ถึงได้ทำธุรกิจของเขาได้ใหญ่โตมากมาย ผมเคยอ่านประวัติชีวิตของบุคคลเหล่านี้ จากหนังสือต่างๆมาบ้าง
บุคคลเหล่านี้บางคน ไม่ได้มีโอกาสได้เรียนหนังสือถึงมัธยมปลายเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งไม่ได้มีทรัพย์สมบัติจากพ่อแม่ให้เป็นทุนรอน ผมเชื่อว่ามันมีหลักการอะไรบางอย่าง ที่เขาค้นพบจากความจริงในเรื่องของแนวความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วๆไป หรือมุมมองที่คนทั่วๆไป อาจมองข้ามมันไปต่างหาก
ไม่มีโรงเรียนสอนธุรกิจที่ไหน จะสอนคุณทำธุรกิจได้ นอกจากประสบการณ์ และการเรียนรู้ แล้วใครหละ? จะสอนเกี่ยวกับประสบอย่างต่ำงๆให้คุณรู้ ถ้ำไม่ใช่ตัวคุณเอง
บางทีมันอาจจะมีความลับอะไรบางอย่าง ที่เราลืมมันไปแล้ว มันมีอยู่ทุกหนทุกแห่งที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ เพราะความลับอันนี้เอง มันเป็นความมหัศจรรย์ที่อยู่ในตัวคุณเอง ถ้าคุณพร้อมจะเรียนรู้และก้าวไปข้างหน้า คุณก็จะสามารถไขปริศนาของมันที่เก็บงำมาตลอดชีวิตของคุณออกได้อย่างง่ายดาย นั่นหมายถึงความสำเร็จที่คุณจะได้รับเป็นผลตอบแทนในธุรกิจของคุณ และชีวิตของคุณ ที่พร้อมจะมีอิสระทางด้านการเงินและเวลา
สิ่งที่ผมจะบอกคุณ มันเป็นเพียงเรื่องราวที่ผมได้ ผ่านร้อน ผ่านหนาว มายี่สิบกว่าปี กับประสบการณ์ของคนรอบข้างในธุรกิจต่างๆรอบตัว หรือจากการแกะรอยเรื่องราวต่างๆของผู้ที่ ประสบความสำเร็จในชีวิตว่า เขามีวิธีคิดที่แตกต่างกันอย่างไร เผื่อบางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับคุณบ้างไม่มากก็น้อย
หลักการต่างๆในการทำธุรกิจ ที่ผมจะพูดให้คุณฟังนี้
ได้รวบรวมทฤษฎี บางบทบางตอน จากหนังสือ The best seller ต่างๆ ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจและมนุษย์สัมพันธ์ ที่ผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ได้ลองใช้มาแล้วอย่างได้ผล รวมทั้งประสบการณ์จริงของนักธุรกิจอื่นๆอีกหลายท่าน ที่ใช้มันอย่างได้ผลเป็นอย่างดี ซึ่งใน ที่นี้ใครหลายคนได้ลืมมันไปแล้วเสียด้วยซ้ำ แนวคิดในเรื่องธรรมชำติที่แท้จริงของมนุษย์จะยังประโยชน์อะไรให้กับคุณบ้ำง สิ่งที่รวบรวมเป็นหลักสูตร นำมาเผยแพร่นี้ ผมหวังเป็นแค่เพียงเข็มทิศ ที่คุณอาจจะใช้มันนำทาง ในยามที่คุณต้องการ หรืออาจจะเป็น “จิ๊กซอว์” ตัวหนึ่ง ที่ประกอบเป็นรูปร่างในภาพแห่งความสำเร็จของคุณ เพราะทั้งหมดอยู่ที่ตัวคุณ ก่อนที่จะลองผิดลองถูกเหมือนผมที่เคยหลงทางมา 20 ปี คุณอยากจะเริ่มธุรกิจของคุณตอนนี้หรือรอไปอีกซัก 10-20 ปี ดีหละ ไม่ว่าคุณจะมีอำยุเท่ำไหร่ ทำงานในสำขำอำชีพใด มีประสบอย่างหรือไม่มีประสบอย่างก็ตามที ขอเพียงแค่คุณมีความฝันและแนวความคิดที่ถูกทำง คุณก็สำมารถที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไม่ยำกเย็นอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคุณ และกำรเรียนรู้อันชำญฉลำดของคุณเอง ผมอยากจะหยิบยกเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย กับประสบการณ์ชีวิตก่อนที่เขาจะสร้างธุรกิจของเขาเองขึ้นมาได้ เมื่อเขาได้พบความจริงอะไรบางอย่าง ที่เขาลืมมันไปเกือบตลอดชีวิตของเขาเอง.......
ชายผู้นี้เป็นเด็กกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ เขาเป็นลูกคนโตมีพี่น้องทั้งหมดสามคน แม่ผู้ซึ่งทำหน้าที่ดูแลลูกก็มีฐานะยากจนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกไปตามสภาพ เขาเรียนหนังสือได้จนถึงอายุ 16 ปี ก็ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เขาต้องทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีการต่างๆ เขาล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าจนแทบตั้งตัวไม่ติด ตอนอายุ 17 ปี เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง ตอนอายุ 18 ปี เขาได้แต่งงานและมีครอบครัวมีลูกสาวที่น่ารักอีกหนึ่งคนในปีถัดมา แต่ความสุขก็อยู่กับเขาได้ไม่นาน ความไม่ได้เรื่องของเขาในการดำเนินชีวิตของเขา ทำให้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากต้องหอบเอาลูกสาวหนีไป เพราะไม่สามารถที่จะอดทนใช้ชีวิตอยู่กับความไม่เอาไหนของเขาได้อีกต่อไป ในขณะที่เขามีครอบครัวเขาได้ทำงานเป็นพนักงานขายตั๋วรถไฟเขาก็ล้มเหลว แต่เขาก็พยายามต่อสู้กับชีวิตของเขา ด้วยการแสวงหาโอกาสดีๆให้กับตัวเอง แต่ทุกอย่างที่เขาทำก็ไม่วายล้มเหลวเหมือนเดิม เขาพยายามสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพแต่ก็ถูกขับออกจากทหารในที่สุด หรือแม้กระทั่งสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมายก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่เป็นท่า ชีวิตของเขา.....ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีกกับความไม่เอาไหนของเขา ในที่สุดเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน คุณคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป “ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกครั้ง”
แค่เริ่มต้นกับชีวิตของชายคนนี้ มันก็คงจะมองไม่เห็นอะไรดีสักอย่าง การงานก็ล้มเหลว ครอบครัวก็แตกแยก แล้วเขาจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร คุณก็คงคิดเหมือนผมว่า ชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง ก็อย่างว่าแหละ คนเรามันจะดีไปเสียหมดทุกเรื่องมันก็ไม่มี คนเราจะแย่ไปเสียหมดทุกอย่างมันก็ไม่ใช่ สิ่งหนึ่งที่ชายคนนี้ค้นพบ เขาพบว่า สิ่งที่เขาพอจะทำได้ดีก็คือ การทำอาหาร ดังนั้นเขาจึงไปสมัครงานเป็นพ่อครัวในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่จะมีคุณค่าอะไรเลยกับการดำรงชีวิตของเขา
ชีวิตของเขาดำเนินต่อไปอย่างง่ายๆ ในร้านกาแฟเล็กๆแห่งนั้น เขาไม่เคยคิดถึงอนาคตของเขา เขาไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้กับชีวิตที่มันดีกว่าที่เป็นอยู่ เขาเอาเวลาทั้งหมดที่ว่างจากงานเฝ้าครุ่นคิดถึงแต่ภรรยาและลูก เขาไม่ได้คิดเลยว่า..... เพราะความไม่เอาไหนของเขาเองต่างหากที่ทำให้ภรรยาและลูกของเขาต้องจากไปจากครอบครัวที่เขาสร้างขึ้นมา เขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใย เขายังคงเฝ้าคิดถึงแต่เรื่องภรรยาและลูกสาวที่น่ารักของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง แล้วความคิดของเขาก็ตกผลึก เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป เขาต้องการลูกสาวที่น่ารักของเขากลับคืนมาให้จงได้ ด้วยความคิดถึงลูกสาวอย่างเป็นที่สุด ก็ทำให้เขาคิดเลยเถิดไปถึงการลักพาตัวลูกสาวของเขาเอง เขาใช้เวลาว่างทั้งหมดที่ว่างจากงาน ครุ่นคิดและวางแผนไปสู่ทุกขั้นตอนที่จะลักพาตัวลูกสาวเขาอย่างไร เขาคิดทุกย่างทุกขั้นตอนด้วยความรอบคอบ ที่จะลักพาตัวลูกสาวอันแสนน่ารักของเขากลับมาสู่อ้อมกอดของเขาให้จงได้ ในที่สุดแผนการอันยาวนานก็พร้อมที่จะดำเนินการ ชายผู้นี้ด้วยวัยอันน้อยนิดยังอยู่ในวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ ก็เริ่มลงมือปฏิบัติการทันที เขาเฝ้าซุ่มตัวอยู่เงียบๆในพุ่มไม้ นอกบ้านของภรรยาของเขา เขาเฝ้ามองลูกสาวเล่นอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน อยู่ด้วยความสงบและเตรียมพร้อมที่จะลงมือลักพาตัว ถ้าลูกสาวเขาออกมาวิ่งเล่นในสนามหน้าบ้านเหมือนอย่างทุกวัน ที่เขามาแอบดู เขารู้สึกกังวล ตื่นเต้นทุกลมหายใจเข้าออก เขากำลังจะเป็น “อาชญากร” แค่นั่นมันก็เทียบไม่ได้กับความรักที่เขามีให้กับลูกสาวที่น่ารักของเขาอย่างสุดหัวใจ เขาเฝ้ารออย่างเงียบๆด้วยใจที่เต้นอย่างระทึกอยู่หลังพุ่มไม้ วันนี้ไม่ว่าจะต้องให้เฝ้ารออีกนานเท่าใด เขาก็จะทำให้สำเร็จให้จงได้ แต่โอ้อนิจจา..........วันนั้นลูกสาวของเขาไม่ออกมาเล่นที่สนามหน้าบ้านเลย คุณลองนึกดูแม้กระทั่งความพยายามในการที่จะก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลว เขารู้สึกเหมือนคนที่พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา เหมือนกับชีวิตเขาถูกกำหนดมาเช่นนั้น รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่า และเหมือนเพราะพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่า เขาจะต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิตกับความล้มเหลวซ้ำซาก แต่ในที่สุดเหมือนปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับเขา เขาสามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้พร้อมกับลูกสาวที่น่ารักของเขาได้ พวกเขาก็ได้ทำงานอยู่ด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจานอยู่จนกระทั่งเขาแก่เฒ่าเกษียณตอนอายุ 65 ปี แต่เรื่องราวมันไม่ได้จบลงแค่นี้ วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขาจากรัฐบาล เป็นจำนวนเงิน 105 ดอลลาร์ เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจเลยแม้สักน้อย เงินที่ได้รับมันน้อยกว่าค่าจ้างที่เขาเคยได้รับในการทำงานในร้านกาแฟเสียอีก ชีวิตเขาและภรรยาจะอยู่ได้ต่อไปอย่างไร เพราะเขาไม่มีเงินเก็บพอที่จะอยู่อย่างสุขสบายในวัยชรา เช็คฉบับดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้วทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิตของเขาอยู่ไปวันๆจนกระทั่งวาระสุดท้าย ของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาล มันดังกึกก้องอยู่ในใจเขาตลอดเวลา เหมือกับว่า ความล้มเหลวกำลังจะมาเยือนเขาอีกครั้ง และนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลวและท้อแท้ ชีวิตของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งจนแทบตั้งตัวไม่ติดหลังจาก 65 ปีอันแสนยาวนาน กับความอ่อนล้าและอ่อนแรงเต็มที เขาบอกกับตัวเองว่า...... “ถ้ำเขาดูแลตัวเองไม่ได้ และต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแลแบบตามมีตามเกิด เขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” เขาครุ่นคิดอยู่นานจนในที่สุดตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า........ “จะฆ่ำตัวตาย”
ความอ่อนแรงและอ่อนล้าดูเหมือนจะซ้ำเติมชีวิตเขาอย่างไม่ยอมลามือง่ายๆ เขาท้อแท้หมดหวังจนถึงที่สุด ในที่สุดเขาก็หยิบเอากระดาษหนึ่งแผ่นพร้อมกับดินสอ เดินออกไปในสวนหลังบ้าน นั่งลงใต้ต้นไม้อย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรมเป็นครั้งสุดท้าย เขานั่งถอนใจอยู่สักพัก ทอดสายตามองออกไปแบบเลื่อนลอยและสิ้นหวังขณะที่ปล่อยให้ความคิดที่จะเขียนคำสั่งเสียออกมานั้นดำเนินไปอย่างช้าๆ กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เป็นครั้งแรกที่ชีวิตที่ทำให้เขาเกิดปัญญา
แทนที่เขาจะเขียนคำสั่งเสียตามที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก เขากลับเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น สิ่งที่ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาพึงปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาตกใจมากและรู้สึกประหลาดใจอย่างไรบอกไม่ถูก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาเลยสักอย่าง!
เขานั่งครุ่นคิดและพิจารณาวิเคราะห์กับตัวเองอย่างจริงจังอยู่นาน มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้และทำได้ดี บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาค้นพบคำตอบในชีวิตเขาแล้ว ใช่! เขาตอบตัวเองอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและพลัง.....“เขารู้วิธีการปรุงอาหารเป็นอย่างดี” ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขาอยู่ที่หน้าเตาร้อนๆมาเกือบตลอดชีวิต เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้งด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน แล้วในที่สุด เขาก็เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อที่ทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า ถ้าเขาจะตายเขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคนที่เขาอยากจะเป็น นั่นก็หมายถึง ความสำเร็จในชีวิตที่ใครหลายๆคนพึงปรารถนา และทำในบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่อันน้อยนิดของเขา ด้วยวัยชราที่อายุปาเข้าไป 65 ปี ไม่ใช่อุปสรรคที่จะมาขวางกั้นเขาได้เลย เมื่อคิดได้เช่นนั้น
เขาลุกขึ้นจากโคนต้นไม้ในสวนหลังบ้าน มุ่งหน้าที่จะไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์ จากเช็คประกันสังคมฉบับต่อไปของเขา ด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและไก่จำนวนหนึ่ง จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้าน และลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นมันขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงานที่ร้านกาแฟแห่งนั้น เขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาแบบง่ายๆ ตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขา
แล้วชายชราที่ขายไก่ทอดอายุ 65 ปี ที่ใครบางคนก็คิดว่าเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง คนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันแซนเดอร์ส ราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง
ตอนเขาอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนตัวแทนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปี เขาก็กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ
เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของ ผู้พันแซนเดอร์สเป็นอีกบทหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จที่ได้รับคำยกย่องจากผู้คนทั่วโลก แต่จะมีใครจะรู้บ้างไหมว่า หากที่ใต้ต้นไม้วันนั้น ผู้พันแซนเดอร์สได้ทำตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก ตำนานของไก่ทอดที่เลื่องลือไปทั่วโลกก็อย่าง KFC คงจะไม่มีให้เราได้เห็นกันทุกวันนี้ จริงอย่างที่คำกล่าวที่ว่า “ความสำเร็จกับความล้มเหลวห่ำงกันเพียงแค่พลิกฝ่ำมือ” มันอยู่ที่ว่า คุณเลือกที่จะ.. “ล้มเหลวแต่ไม่ล้มเลิก” หรือ “ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
สำหรับผู้พันแซนเดอร์ส นั้น 65 ปี ของชีวิตที่ล้มเหลว เทียบคุณค่าอะไรไม่ได้เลยกับ 20 ปีแห่งความสำเร็จที่เขาได้รับแล้วชีวิตของคุณหละ ล้มเหลวมากพอหรือยัง ?
คุณพร้อมที่จะเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงหรือยัง ถ้าคุณพร้อมคุณจะได้เรียนรู้การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจหรือความสำเร็จได้อย่างไร? ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำถดถอยอย่างนี้ บทเรียนแห่งความล้มเหลวของธุรกิจต่างๆจะสอนอะไรเราได้บ้าง นักธุรกิจที่สร้างตัวจากสองมือเปล่าเขาเหล่านี้ ไม่ได้มีความรู้ที่เลิศเลออะไร? บางคนแค่เพียงอ่านออกเขียนได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีความรู้มากน้อยเพียงใดมันก็ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดของความสำเร็จ แนวคิดของบุคคลเหล่านี้ต่างหาก ที่แตกต่างจากบุคคลคนทั่วๆไป แม้กระทั่งผู้พันแซนเดอร์ส เองก็ล้มเหลวมาตลอด 65 ปี เขายังลุกขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีได้ แนวคิดที่แตกต่างเหล่านี้นั่นเองที่จะสามารถทำให้คุณสร้างธุรกิจได้
ขอเป็นกำลังใจกับทุกท่านได้ยืนหยัดต่อสู้อย่างมีเป้าหมาย